-
@ Cypherpruk
2025-05-15 01:22:34เมื่อพูดถึง Bitcoin Standard หลายคนมักนึกถึงภาพโลกอนาคตที่ทุกคนใช้บิตคอยน์ซื้อกาแฟหรือของใช้ในชีวิตประจำวัน ภาพแบบนั้นดูเหมือนไกลตัวและเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง หลายคนถึงกับพูดว่า “คงไม่ทันเห็นในช่วงชีวิตนี้หรอก” แต่ในมุมมองของผม Bitcoin Standard อาจไม่ได้เริ่มต้นจากการที่เราจ่ายบิตคอยน์โดยตรงในร้านค้า แต่อาจเริ่มจากบางสิ่งที่เงียบกว่า ลึกกว่า และเกิดขึ้นแล้วในขณะนี้ นั่นคือ การล่มสลายทีละน้อยของระบบเฟียตที่เราใช้กันอยู่
ระบบเงินที่อิงกับอำนาจรัฐกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง รัฐบาลทั่วโลกกำลังจมอยู่ในภาระหนี้ระดับประวัติการณ์ แม้แต่ประเทศมหาอำนาจก็เริ่มแสดงสัญญาณของภาวะเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ อัตราเงินเฟ้อกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่มีท่าทีจะหายไป ธนาคารที่เคยโอนฟรีเริ่มกลับมาคิดค่าธรรมเนียม และประชาชนก็เริ่มรู้สึกถึงการเสื่อมศรัทธาในระบบการเงินดั้งเดิม แม้จะยังพูดกันไม่เต็มเสียงก็ตาม
ในขณะเดียวกัน บิตคอยน์เองก็กำลังพัฒนาแบบเงียบ ๆ เงียบ... แต่ไม่เคยหยุด โดยเฉพาะในระดับ Layer 2 ที่เริ่มแสดงศักยภาพอย่างจริงจัง Lightning Network เป็น Layer 2 ที่เปิดใช้งานมาได้ระยะเวลสหนึ่ง และยังคงมีบทบาทสำคัญที่สุดในระบบนิเวศของบิตคอยน์ มันทำให้การชำระเงินเร็วขึ้น มีต้นทุนต่ำ และไม่ต้องบันทึกทุกธุรกรรมลงบล็อกเชน เครือข่ายนี้กำลังขยายตัวทั้งในแง่ของโหนดและการใช้งานจริงทั่วโลก
ขณะเดียวกัน Layer 2 ทางเลือกอื่นอย่าง Ark Protocol ก็กำลังพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ด้านความเป็นส่วนตัวและประสบการณ์ใช้งานที่ง่าย BitVM เปิดแนวทางใหม่ให้บิตคอยน์รองรับ smart contract ได้ในระดับ Turing-complete ซึ่งทำให้เกิดความเป็นไปได้ในกรณีใช้งานอีกมากมาย และเทคโนโลยีที่น่าสนใจอย่าง Taproot Assets, Cashu และ Fedimint ก็ทำให้การออกโทเคนหรือสกุลเงินที่อิงกับบิตคอยน์เป็นจริงได้บนโครงสร้างของบิตคอยน์เอง
เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ใช่การเติบโตแบบปาฏิหาริย์ แต่มันคืบหน้าอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และนั่นคือเหตุผลที่มันจะ “อยู่รอด” ได้ในระยะยาว เมื่อฐานของความน่าเชื่อถือไม่ใช่บริษัท รัฐบาล หรือทุน แต่คือสิ่งที่ตรวจสอบได้และเปลี่ยนกฎไม่ได้
แน่นอนว่าบิตคอยน์ต้องแข่งขันกับ stable coin, เงินดิจิทัลของรัฐ และ cryptocurrency อื่น ๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันเหนือกว่านั้นไม่ใช่ฟีเจอร์ หากแต่เป็นความทนทาน และความมั่นคงของกฎที่ไม่มีใครเปลี่ยนได้ ไม่มีทีมพัฒนา ไม่มีบริษัท ไม่มีประตูปิด หรือการยึดบัญชี มันยืนอยู่บนคณิตศาสตร์ พลังงาน และเวลา
หลายกรณีใช้งานที่เคยถูกทดลองในโลกคริปโตจะค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาสู่บิตคอยน์ เพราะโครงสร้างของมันแข็งแกร่งกว่า ไม่ต้องการทีมพัฒนาแกนกลาง ไม่ต้องพึ่งกลไกเสี่ยงต่อการผูกขาด และไม่ต้องการ “ความเชื่อใจ” จากใครเลย
Bitcoin Standard ที่ผมพูดถึงจึงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แต่คือการ “เปลี่ยนฐานของระบบ” ทีละชั้น ระบบการเงินใหม่ที่อิงอยู่กับบิตคอยน์กำลังเกิดขึ้นแล้ว มันไม่ใช่โลกที่ทุกคนถือเหรียญบิตคอยน์ แต่มันคือโลกที่คนใช้อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า “สิ่งที่เขาใช้นั้นอิงอยู่กับบิตคอยน์”
ผู้คนอาจใช้เงินดิจิทัลที่สร้างบน Layer 3 หรือ Layer 4 ผ่านแอป ผ่านแพลตฟอร์ม หรือผ่านสกุลเงินใหม่ที่ดูไม่ต่างจากเดิม แต่เบื้องหลังของระบบจะผูกไว้กับบิตคอยน์
และถ้ามองในเชิงพัฒนาการ บิตคอยน์ก็เหมือนกับอินเทอร์เน็ต ครั้งหนึ่งอินเทอร์เน็ตก็ถูกมองว่าเข้าใจยาก ต้องพิมพ์ http ต้องรู้จัก TCP/IP ต้องตั้ง proxy เอง แต่ปัจจุบันผู้คนใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรเลย บิตคอยน์กำลังเดินตามเส้นทางเดียวกัน โปรโตคอลกำลังถอยออกจากสายตา และวันหนึ่งเราจะ “ใช้มัน” โดยไม่ต้องรู้ว่ามันคืออะไร
หากนับจากช่วงเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตในยุค 1990 จนกลายเป็นโครงสร้างหลักของโลกในสองทศวรรษ เส้นเวลาของบิตคอยน์ก็กำลังเดินตามรอยเท้าของอินเทอร์เน็ต และถ้าเราเชื่อว่าวัฏจักรของเทคโนโลยีมีจังหวะของมันเอง เราก็จะรู้ว่า Bitcoin Standard นั้นไม่ใช่เรื่องของอนาคตไกลโพ้น แต่มันเกิดขึ้นแล้ว
siamstr