-
@ HereTong
2025-06-15 01:11:24“นาฬิกาชีวิตระดับยีน” ที่ไม่ได้เดินตามเข็ม แต่เดินตามแสงแดด ลมหนาว กลิ่นฝน และแม้กระทั่งความเงียบในฤดูหนาว... โลกที่เรียกว่า Epigenetic Clock ซึ่งไม่ได้แค่บอกอายุ แต่ยังเปลี่ยนพฤติกรรมของเซลล์ตามฤดูกาล เหมือนกับที่ใบไม้เปลี่ยนสีโดยที่ต้นไม้ไม่ได้ตั้งใจ
แม้เราจะคิดว่าอายุถูกวัดด้วยวัน เดือน ปีที่ผ่านไป แต่ในทางชีววิทยาอายุจริง ๆ ของร่างกายเราวัดด้วยสิ่งที่เรียกว่า epigenetic clock หรือนาฬิกาชีวิตที่ฝังอยู่ในระดับยีน ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนเพราะตัวเลขในบัตรประชาชน แต่เปลี่ยนเพราะปัจจัยรอบตัวที่มากระทบชีวิตเราในทุก ๆ วัน รวมถึงแสงแดดที่สาดลงมาบนผิวในแต่ละฤดูกาลด้วย ยีนของเรานั้นมี “สวิตช์เปิด-ปิด” ที่ควบคุมโดยกลไกที่เรียกว่า epigenetic marks หรือการเปลี่ยนโครงสร้างดีเอ็นเอเล็กน้อยโดยไม่เปลี่ยนรหัสพันธุกรรมเดิม คล้ายกับที่โน้ตเพลงยังเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจังหวะหรือเสียงเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลง
นักวิจัยพบว่าในสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่น เช่น หนู ฮอร์โมนการสืบพันธุ์ไม่ได้หลั่งเท่ากันทั้งปี แต่หลั่งตามแสงที่สั้นหรือยาว ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณให้ระบบ epigenetic ไปปรับยีนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตฮอร์โมนเพศ และแม้แต่การสะสมไขมัน โดยยีนบางตัวจะถูก “เมทิลเลต” หรือปิดไว้ในฤดูหนาว แล้วเปิดออกใหม่เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เพื่อให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมในฤดูที่มีอาหารมากขึ้น กระบวนการนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะสัตว์ เพราะในคนก็เกิดขึ้นเหมือนกัน แค่เราไม่รู้ว่ามันกำลังทำงานอยู่ใต้ผิวหนังแบบเงียบ ๆ เท่านั้นเองครับ
ไม่ใช่แค่ฮอร์โมนเท่านั้นที่ขยับตามฤดู แต่ภูมิคุ้มกันเองก็เปลี่ยนตามจังหวะ epigenetic ด้วย นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์พบว่าในฤดูหนาว ยีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ (inflammatory genes) จะถูกเปิดใช้งานมากขึ้น ในขณะที่ยีนที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมและการควบคุมภูมิคุ้มกันกลับถูกปิดบางส่วน ผลก็คือคนเรามีแนวโน้มจะเจ็บป่วยจากโรคอักเสบหรือภูมิแพ้ในฤดูหนาวมากกว่าฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูที่ระบบภูมิคุ้มกันถูกเซ็ตใหม่ให้โฟกัสที่การซ่อมแซมมากกว่าโจมตี การทำงานเหล่านี้ไม่ได้เกิดแบบสุ่ม แต่สอดคล้องกับแสงแดดที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเดือน ราวกับว่าร่างกายเรามี ปฏิทินลับ ที่คอยกางออกให้ยีนอ่านอยู่เสมอ
สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ แสงแดดสามารถย้อนวัย epigenetic ได้จริง โดยเฉพาะในรูปของ “early morning sunlight” ซึ่งมีแสงอินฟราเรดยาว ๆ (near-infrared light) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของ cytochrome c oxidase ในไมโตคอนเดรีย ทำให้ผลิตพลังงานได้ดีขึ้น ลด oxidative stress และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมดีเอ็นเอ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าแสงตอนเช้าอาจช่วยลดความเร็วของ epigenetic aging ได้ดีกว่าการออกกำลังกายเสียอีก หากทำอย่างสม่ำเสมอและถูกจังหวะในแต่ละฤดู
ในมุมของการรักษาโรค NCD หรือโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตแบบพัง ๆ โอเคเราอาจเคยได้ยินเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย หรือการนอน แต่มีน้อยคนที่จะพูดถึงการ “ตั้งนาฬิกาชีวิตให้ตรงกับฤดู” เพราะวงจร epigenetic ไม่ได้ถูกปรับด้วยกิจกรรมแค่วันต่อวัน แต่มันตอบสนองกับช่วงเวลาที่ลึกกว่านั้น คือ “ฤดูชีวิต” แบบ circannual ซึ่งเป็นเหมือนเมตาบอสเต็มรูปแบบของ biological season ที่ธรรมชาติเขียนสคริปต์ไว้แล้ว เราแค่ต้องฟัง
สิ่งที่เราจะทำได้จริงแบบง่าย ๆ คือ การอยู่กลางแดดในฤดูที่ควรอยู่กลางแดด ไม่ใช่ปิดผ้าม่านแล้วเปิด Netflix ทั้งวัน ปล่อยให้แสงจริงกระทบตาและผิวเป็นประจำโดยเฉพาะในช่วงเวลา 7:00 – 9:00 น. และอย่าลืมว่าฤดูไม่ใช่มีไว้แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เปลี่ยนวิธีที่ร่างกายผลิตฮอร์โมน ซ่อมแซมตัวเอง และแม้แต่สร้างเซลล์สมองใหม่ ๆ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ต้องการจังหวะที่ตรงกับปฏิทินของธรรมชาติ
ถ้าความแก่คือผลรวมของความผิดจังหวะเล็ก ๆ ทุกวัน การกลับไปอยู่กับฤดูกาลอีกครั้ง อาจเป็นเหมือนการตั้งวงดนตรีให้เข้าคีย์ใหม่ ฟังได้ไพเราะยิ่งกว่าเสียงใดในโลก และทำให้ “ยีนของเรา” เล่นบทเพลงแห่งชีวิตได้ยาวนานขึ้นอย่างสง่างาม แบบที่ไม่ต้องพึ่งอะไรเลยนอกจากแสงจากฟ้าและความเข้าใจลึก ๆ ที่ธรรมชาติมีให้เราตั้งแต่เกิด
#pirateketo #กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก #siamstr #SundaySpecialเราจะไปเป็นหมูแดดเดียว