-
@ HereTong
2025-03-24 04:13:11วันนี้จะมาเล่าเรื่องการทลายและจับกุมเครือข่ายน้ำมันมะกอกปลอม เบื้องหลังการต่อสู้ในโลกของอุตสาหกรรมอาหาร กันครับ
ด้วยความที่ว่าน้ำมันมะกอก Extra Virgin ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในน้ำมันที่มีคุณภาพสูงและเป็นสัญลักษณ์ของความมีสุขภาพที่ดีทั่วโลก แถมด้วยรสชาติที่ซับซ้อน กลิ่นหอมเฉพาะตัว มาพร้อมคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนทั้งโลกจึงยินดีจ่ายในราคาที่ค่อนข้างสูง
แล้วไอ้ด้วยความต้องการในสินค้าที่มีมูลค่าสูงนี่ละครับ กลายเป็นช่องทางให้กับกลุ่มอาชญากรรมที่มุ่งหวังหากำไรจากการหลอกลวงผู้บริโภค ด้วยการผลิตน้ำมันมะกอกปลอมที่ผ่านการเจือจางหรือดัดแปลงให้ดูเหมือนของแท้ ในเครือข่ายนี้มีการใช้งานเทคนิคและสารเติมแต่งเพื่อเลียนแบบคุณสมบัติของน้ำมันมะกอกแท้ เช่น การปรับเปลี่ยนกลิ่น รสชาติ และคุณสมบัติการแข็งตัวเมื่อแช่เย็น ซึ่งเคยเป็นวิธีตรวจสอบที่ง่ายต่อการแยกแยะของผลิตภัณฑ์แท้ แต่ด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้น ผู้ปลอมแปลงสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ปลอมเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นได้อย่างไร้ร่องรอย
ข้อมูลจากหลายรายงานของหน่วยงานกำกับดูแลอาหารในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเผยว่าขบวนการปลอมแปลงน้ำมันมะกอกเกิดขึ้นในหลายประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะในอิตาลี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการผลิตน้ำมันมะกอก
กลุ่มอาชญากรรมในภูมิภาคเหล่านี้ได้นำเอาวิธีการผลิตที่ผิดกฎหมายและการใช้สารเติมแต่งราคาถูกมาเจือจางกับน้ำมันมะกอกแท้ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ด้วยการทดสอบง่าย ๆ เช่น การแช่ตู้เย็นเพื่อตรวจดูการแข็งตัวได้อีกต่อไป (งว่อออ มีอัพเดท patch)
หน่วยงานตำรวจและหน่วยงานกำกับดูแลในอิตาลีร่วมกับหน่วยงานระดับนานาชาติ เช่น EFSA (European Food Safety Authority) และ FDA (Food and Drug Administration) ของสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมมือกันเปิดเผยและจับกุมเครือข่ายน้ำมันมะกอกปลอมที่มีความซับซ้อนและขนาดใหญ่ หนึ่งในการจับกุมครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลีร่วมกับหน่วยงานสอบสวนระดับนานาชาติได้ดำเนินการบุกค้นโรงงานผลิตลับในพื้นที่ชนบทของอิตาลี ที่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการผลิตน้ำมันมะกอกปลอมในปริมาณมหาศาล
เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบโกดังที่ถูกซ่อนอยู่ในเขตอุตสาหกรรมที่มีการจัดเก็บถังน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ถูกเจือจางด้วยน้ำมันพืชราคาถูก เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม และน้ำมันคาโนลา รวมถึงการเติมสารเคมีที่ช่วยปรับปรุงลักษณะทางกายภาพ เช่น ขี้ผึ้งพืช (Candelilla Wax หรือ Carnauba Wax) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติการแข็งตัวเมื่อนำไปแช่เย็น เหล่านี้เป็นเทคนิคที่ผู้ปลอมแปลงพัฒนาขึ้นเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบด้วยวิธีดั้งเดิมที่เคยใช้แยกแยะน้ำมันมะกอกแท้กับปลอมได้
การจับกุมในครั้งนั้นเป็นการร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลีและหน่วยงานสอบสวนของสหภาพยุโรป ที่ได้ใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบขั้นสูงและการวิเคราะห์ทางเคมีในห้องปฏิบัติการ เพื่อพิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์ที่ถูกบรรจุในขวดพร้อมฉลากที่หลอกลวงนั้นไม่ได้มีคุณภาพตามมาตรฐานของน้ำมันมะกอก Extra Virgin ขึ้นจริง เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาและยึดทรัพย์สินในมูลค่าหลายร้อยล้านยูโร จากนั้นคดีนี้ได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในศาลอิตาลี ซึ่งมีการลงโทษผู้เกี่ยวข้องด้วยโทษจำคุกหลายปีและการปรับเงินจำนวนมหาศาล
ในกระบวนการไต่สวน เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่าขบวนการนี้ไม่ได้ดำเนินการโดยบุคคลเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มมาเฟียอย่าง Cosa Nostra และ ’Ndrangheta ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่มีอิทธิพลทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มเหล่านี้มีบทบาทในการควบคุมการผลิต การจัดจำหน่าย และการขนส่งน้ำมันมะกอกปลอมผ่านเส้นทางลับที่ซับซ้อน ทั้งในรูปแบบของบริษัทหน้ากากและระบบการฟอกเงินที่มีความซับซ้อนสูง
ในปูมหลังของกลุ่มอาชญากรรมที่มีอิทธิพลในอิตาลี อย่างเช่น Cosa Nostra และ ’Ndrangheta เนี่ยครับ ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่สลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยความรุนแรง ความขัดแย้ง และกลยุทธ์ที่แยบยลในการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายที่กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะการจับกุมครั้งใหญ่ในวงการปลอมแปลงน้ำมันมะกอกที่เรากำลังพูดถึง
Cosa Nostra หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มาเฟียซิซิลี” หรือว่า The Sicilian Mafia ถือเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในอิตาลี และมีอิทธิพลอย่างมากในโลกอาชญากรรมระหว่างประเทศ ประวัติของ Cosa Nostra เต็มไปด้วยความรุนแรงและการควบคุมธุรกิจผิดกฎหมายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ การค้าผิดกฎหมาย และการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งที่ทำให้ Cosa Nostra น่าสะพรึงกลัวคือวิธีการที่พวกเขาควบคุมแหล่งธุรกิจทั้งในอิตาลีและในต่างประเทศด้วยการใช้ความรุนแรงและการหลอกลวง
หนึ่งในคดีที่ทำให้ชื่อเสียงของ Cosa Nostra ติดตรึงในใจผู้คนทั่วโลกคือคดีฆาตกรรม Giovanni Falcone และ Paolo Borsellino ผู้พิพากษาที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปราบปรามมาเฟียซิซิลีในช่วงปี 1990 โดยเฉพาะการต่อสู้กับ Cosa Nostra จนกระทั่งทั้งสองถูกลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยมในเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในปี 1992 การฆาตกรรมนี้ทำให้ผู้คนในอิตาลีและทั่วโลกตระหนักถึงพลังอำนาจและอิทธิพลของ Cosa Nostra ที่สามารถกระทำการรุนแรงได้แม้กระทั่งกับบุคคลในระดับสูง ขอเสริมให้ว่า Giovanni Falcone เป็นผู้พิพากษาและนักสืบที่มีบทบาทสำคัญในการทำลายเครือข่าย Cosa Nostra เขาเป็นผู้นำในการสร้างทีมสอบสวนที่เรียกว่า “Capaci Trial” และการวางแผนปฏิบัติการที่มุ่งหวังจะทำลายการกระทำผิดของมาเฟีย ซึ่งในที่สุดเขาก็เสียชีวิตจากการระเบิดรถยนต์ที่วางกับดักไว้โดยสมาชิก Cosa Nostra ในปี 1992 Paolo Borsellino ก็เป็นผู้พิพากษาที่ทำงานร่วมกับ Falcone ในการต่อสู้กับกลุ่มมาเฟีย Cosa Nostra และมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการสอบสวนและพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของมาเฟีย แต่เขาก็ถูกสังหารในเหตุการณ์ระเบิดรถยนต์อีกครั้งในปีเดียวกันกับการตายของ Falcone ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ Falcone ถูกฆ่าตาย
ส่วน ’Ndrangheta ซึ่งมีต้นกำเนิดในแคว้นคาลาเบรีย (Calabria) ในอิตาลี ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีอิทธิพลและความน่ากลัวไม่แพ้กัน แม้ว่าในช่วงแรก ’Ndrangheta จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่า Cosa Nostra แต่ในปัจจุบันกลุ่มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะในการควบคุมการค้ายาเสพติดระดับนานาชาติ และการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน กลุ่มนี้ไม่ได้จำกัดการดำเนินงานแค่ในอิตาลี แต่ได้กระจายเครือข่ายไปทั่วโลก โดยเฉพาะใน ยุโรป และ อเมริกาเหนือ ซึ่งได้กลายเป็นพลังที่ยากจะหยุดยั้งได้
การทำธุรกิจของ ’Ndrangheta นั้นมีการใช้ความรุนแรงในการรักษาความมั่นคงและการแทรกซึมในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในวงการการก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากในอุตสาหกรรมบางชนิด เช่น การค้ายาเสพติดที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการควบคุมและการปราบปรามของพวกเขาทำให้เกิดความตื่นกลัวในทุกภาคส่วน
เคสดังๆ ที่ทำให้ ’Ndrangheta น่าสะพรึงกลัวคือการควบคุมการค้ายาเสพติดในตลาดยุโรป การที่พวกเขามีเครือข่ายกว้างขวางและการเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรระหว่างประเทศทำให้พวกเขามีอำนาจในการจัดการและกระจายยาเสพติดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างในปี 2007 กลุ่ม ’Ndrangheta ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการค้ายาเสพติดโคเคนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากหน่วยงานตำรวจได้อย่างเชี่ยวชาญ
แม้การจับกุมครั้งใหญ่ในปี 2017 จะทำให้ขบวนการปลอมแปลงน้ำมันมะกอกในบางส่วนถูกทำลายลง แต่เครือข่ายอาชญากรรมที่เหลือยังคงดำเนินกิจกรรมนี้อยู่ในระดับที่น่ากังวล ผู้บริโภคในหลายประเทศยังคงต้องเผชิญกับผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกปลอมที่ออกมาจากเครือข่ายเหล่านี้ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงต่อสุขภาพ เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนสารเคมีอันตรายและการขาดความโปร่งใสในกระบวนการผลิต
Cosa Nostra ยังคงเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่มีอิทธิพลมากในซิซิลีและมักจะใช้กลยุทธ์ในการขยายอำนาจผ่านการควบคุมการค้าและอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูง การผลิตน้ำมันมะกอกแท้ในซิซิลีเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลและเป็นที่นิยมในตลาดทั่วโลก ดังนั้นกลุ่ม Cosa Nostra จึงไม่ได้เพียงแค่ควบคุมการผลิตน้ำมันมะกอกปลอมเท่านั้น แต่ยังควบคุมการขนส่งและการกระจายสินค้าเหล่านี้ไปยังหลายประเทศที่ต้องการผลิตภัณฑ์ปลอมในราคาถูก
กลุ่ม Cosa Nostra ใช้ระบบ “pizzo” หรือการเก็บค่าคุ้มครองจากโรงงานผลิตน้ำมันมะกอกที่ไม่สามารถหลบหนีจากการเรียกเก็บเงินจากพวกเขาได้ รวมถึงการบังคับให้เจ้าของโรงงานผลิตน้ำมันมะกอกต้องซื้อวัตถุดิบที่ไม่ใช่มะกอกจากแหล่งที่พวกเขาควบคุม บางครั้งก็ร่วมมือกับกลุ่มอาชญากรในต่างประเทศ เพื่อให้สามารถขยายตลาดน้ำมันมะกอกปลอมในระดับนานาชาติได้
ขณะที่ Cosa Nostra ครองตลาดในซิซิลี นั้นทางกลุ่ม ’Ndrangheta มีบทบาทในแคว้นคาลาเบรียและมีอิทธิพลในการขยายกิจกรรมการผลิตน้ำมันมะกอกปลอมไปยังตลาดในยุโรปและทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแถบยุโรปเหนือและอเมริกาเหนือ กลุ่มนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มอาชญากรรมที่มีเครือข่ายการกระจายสินค้ามหาศาล รวมถึงน้ำมันมะกอกปลอมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้บริโภค
การกระจายสินค้าไม่ใช่แค่การจัดส่งน้ำมันมะกอกปลอมไปยังร้านค้าหรือผู้ขายที่ไม่ตรวจสอบ แต่ ‘Ndrangheta ยังมีบทบาทในการสร้างการเชื่อมต่อกับบริษัทส่งออกที่ดูเหมือนจะทำการค้าทั่วไป จนเมื่อการสอบสวนดำเนินไป ก็พบว่าเบื้องหลังของบริษัทเหล่านี้กลับเป็นการขนส่งน้ำมันมะกอกปลอมในปริมาณมหาศาล ขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันต่อเจ้าหน้าที่และบรรดาผู้ที่พยายามจะเปิดเผยความจริง
ทั้งสองกลุ่มไม่ได้แยกกันไปตามแต่ละเขตแดน แต่พวกเขามักจะร่วมมือกันในการขยายเครือข่ายและหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม การรวมตัวระหว่าง Cosa Nostra และ ’Ndrangheta ทำให้เกิดการรวมตัวของอำนาจและความรู้ในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำให้การติดตามและจับกุมยากขึ้น ทั้งนี้เพราะพวกเขามักจะใช้วิธีการที่ซับซ้อนในการบังคับใช้การควบคุมตลาดน้ำมันมะกอกปลอม ซึ่งบางครั้งพวกเขาจะสร้างบริษัทหน้ากากและจดทะเบียนในประเทศที่ไม่มีกฎหมายควบคุมการตรวจสอบอาหารอย่างเคร่งครัด
ทั้ง Cosa Nostra และ ’Ndrangheta จึงเป็นหัวเรือใหญ่ที่ยังคงดำเนินกิจกรรมอาชญากรรมเหล่านี้อยู่ แม้จะมีการจับกุมและเปิดเผยเครือข่ายในบางส่วน แต่เครือข่ายการผลิตน้ำมันมะกอกปลอมยังคงมีความลับอยู่ในที่มืด และอิทธิพลของทั้งสองกลุ่มนี้ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก
แม้ว่าจะมีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาหลายคนในช่วงการบุกค้นครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่ยังคงต้องทำงานหนักเพื่อขยายขอบเขตของการสืบสวน และทำลายเครือข่ายการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติที่ทั้งสองกลุ่มควบคุมอยู่อย่างลับๆ แต่ในที่สุดแล้ว การพยายามทำลายอำนาจของ Cosa Nostra และ ’Ndrangheta ในวงการน้ำมันมะกอกปลอมยังคงเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานและไม่สิ้นสุดอยู่ดีครับ
หนึ่งในปัญหาที่ผู้บริโภคต้องเผชิญคือ ความยากในการตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันมะกอกที่ซื้อมา เนื่องจากการตรวจสอบเบื้องต้นเช่นการแช่ตู้เย็นเพื่อดูการแข็งตัวอาจไม่เพียงพอในการแยกแยะน้ำมันมะกอกแท้กับน้ำมันปลอมที่ผ่านการดัดแปลงด้วยสารเติมแต่งใหม่ ๆ เทคนิคการผลิตที่ซับซ้อนนี้ทำให้ผู้บริโภคต้องพึ่งพาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และการรับรองจากหน่วยงานที่มีอำนาจ
แม้ในปัจจุบันหน่วยงานตำรวจและหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและจับกุมขบวนการน้ำมันมะกอกปลอม แต่เครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีความลับและการจัดการทางการเงินที่ซับซ้อนยังคงหลบหนีจากการปราบปรามอยู่เป็นอย่างดี ภาพรวมที่พบคือ ผู้ผลิตน้ำมันมะกอกปลอมที่ยังเหลืออยู่ในตลาดมักจะมีการเปลี่ยนแปลงสูตรและเทคนิคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการและการสอบสวนในระดับนานาชาติ
แล้วการจับกุมครั้งใหญ่ในปี 2017 ก็ส่งผลให้เกิดการปรับปรุงมาตรการตรวจสอบในอุตสาหกรรมอาหารและการบังคับใช้กฎหมายในยุโรป แต่ความท้าทายในการจับกุมและทำลายเครือข่ายขนาดใหญ่นี้ยังคงอยู่ เนื่องจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มอาชญากรรมทั้งในอิตาลีและต่างประเทศมีความซับซ้อนและเป็นระบบที่ยากต่อการแตกสลาย
ในที่สุด เรื่องราวของการจับกุมขบวนการน้ำมันมะกอกปลอมในยุคนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับทั้งหน่วยงานกำกับดูแลและผู้บริโภคว่า การตรวจสอบคุณภาพและความโปร่งใสในอุตสาหกรรมอาหารเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้ และการจับกุมผู้กระทำผิดเพียงส่วนหนึ่งก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เครือข่ายอาชญากรรมที่มีอิทธิพลเหล่านี้ถูกทำลายหมดสิ้น ผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีการรับรองคุณภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
และการเรียนรู้ในการเลือกซื้อก็เป็นเกราะป้องกันขั้นต้นที่สำคัญ ถ้าจะบอกว่าหายาก บ้านเราไม่ค่อยมี เอาแบบง่ายๆในห้างก็ได้มั๊ง
ผมคงบอกได้แค่ เอาตามสะดวกพี่เลยครับ
ผมแค่สื่อสารสุขภาพเออร์ คนนึง
pirateketo
ฉลาก3รู้
ม้วนหางสิลูก #กูต้องรู้มั๊ย #siamstr